เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ พ.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราชาวพุทธนะ เวลาเราศึกษาธรรมะนี่เราต้องการธรรมะที่ลึกซึ้ง ธรรมะที่สะอาดบริสุทธิ์ ธรรมะที่มีคุณค่ามาก แล้วเราก็แสวงหากัน เวลาทำบุญกุศลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เสียสละทานก่อน การเสียสละทานมันเป็นการเปิดหัวใจ ถ้าหัวใจมันปิดกั้น หัวใจมันไม่เปิดรับนี่มันรับสิ่งที่เป็นคุณธรรมไม่ได้

ฉะนั้นถึงให้การเสียสละทาน แต่การเสียสละทาน เห็นไหม อนุปุพพิกถา.. ทาน ถ้าเสียสละทานแล้วเวลาตายไปได้สวรรค์ ได้เนกขัมมะ สุดท้ายแล้วถ้าใจมันเห็นคุณค่าของมันแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงจะเทศน์อริยสัจ อริยสัจคือสัจธรรม แต่ในปัจจุบันนี้เราจะเอาสัจธรรมกัน แล้วเราว่าเราเอาสัจธรรม เราปฏิบัติเลย

ในมหายานบอกเลยนะว่า “ทานนี่ไม่มีผลหรอกต้องปฏิบัติเลย”

ทานนี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียสละมา ถ้าทานไม่มีผลนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ นี่เสียสละมามหาศาลเลย การเสียสละนี่มันเปิดใจกว้าง เปิดกว้างเข้าเพราะจิตใจเป็นสาธารณะ จิตใจนี้เห็นประโยชน์ของคนอื่นก่อน ถ้าจิตใจเห็นประโยชน์ของคนอื่นก่อนนะ เรามาทีหลัง เห็นไหม จิตใจอย่างนี้มันจะเปิดให้เรามีโอกาส

ทีนี้พอการเสียสละขึ้นมานี่เรื่องของทาน เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ท่านบอกเลย “ถ้าพระหรือผู้ที่ปฏิบัติเห็นแก่ปากแก่ท้อง ปฏิบัติไม่รอดหรอก” ถ้าเห็นแก่ปากแก่ท้องนะ ธุดงค์ก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ มันห่วงว่าปากนี้มันไม่มีจะกินไง

ทีนี้เวลาคนที่เขามาทำบุญกุศลกัน ของดีของเขา เขาหามาด้วยคุณค่าของเขา เขาศรัทธาเขามีความเชื่อของเขา เขาก็จะเสียสละของเขาที่มีคุณค่าที่สุดเพื่อบุญของเขาได้สะอาดบริสุทธิ์ บุญของเขาได้มีคุณค่ามาก ทีนี้ผู้รับ เห็นไหม เวลารับขึ้นมานี่มันน่าเห็นใจ มันเหมือนกับผลประโยชน์มันขัดแย้งกันที่ว่าเวลาเราประพฤติปฏิบัติ กินของอิ่มๆ กินของอิ่มหมีพลีมันนะแล้วก็ไปนั่งสัปหงกโงกง่วง แต่ถ้ากินอาหารเบาๆ นะ กินอาหารแต่ว่าสิ่งต่างๆ พอประทังชีวิตไป มันไปปฏิบัติมันจะสะดวกกว่านะ

นี่ถ้าไม่เห็นแก่ปากแก่ท้อง มันจะไม่มีความวุ่นวายเลย ทุกอย่างจะไม่มีความขัดแย้งมาเลย แต่ถ้ามันเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นไหม นู้นก็ต้องประณีต นี่ก็ต้องประณีต นี่ไงพูดถึงเรื่องของทาน นี่เรื่องของทานเท่านั้นเองมันก็มีปัญหาแล้ว นี่แล้วมาปฏิบัติอะไรกัน.. เรื่องของศาสนา เห็นไหม มันมีหยาบ มีกลาง มีละเอียด ละเอียดสุด ละเอียดไปอีกมหาศาลเลย

ทีนี้ถ้าจิตใจเราเป็นธรรม เราก็ทำทานเหมือนกัน พอทำทานขึ้นมา พอมาถึงเราก็วางปั๊บ! วางแล้วสะอาดบริสุทธิ์นะ.. ปฏิคาหก ผู้ให้ให้ด้วยความสะอาดมาตั้งแต่บ้าน คิดตั้งแต่บ้านนะ อู้ฮู.. พรุ่งนี้จะไปทำบุญกุศลนะ รีบหาของไว้เลย ไปถึงมีใจชื่นบานนะ วางหมับแล้วไปนั่งอยู่ สาธุ.. มันมีความสุข

แต่ถ้าใจของเราคือว่าละล้าละลังนะ นู้นก็จะให้ นี่ก็จะให้ โอ้โฮ.. วุ่นไปหมดเลย ไอ้คนรับก็โอ้โฮ.. อันนู้นดีนะ เล็งไว้เลยนะอันนี้ใส่บาตรก่อนนะ อยากจะฉันอันนู้นนะ แล้วมันจะปฏิบัติอะไรกัน! แต่มันต้องมีการกระทำ เรื่องการกระทำ เห็นไหม มันต้องมีการเสียสละ ปฏิคาหก ผู้ให้ให้ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ผู้รับรับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งนั้นแค่เยียวยารักษาชีวิตกันไป

นี่พูดถึงผู้ที่มีปรมัตถธรรม ธรรมที่จะหลุดพ้น แต่ถ้าเป็นบุญกุศลจากที่เราเสียสละกันมานี้ มันก็เป็นบุญกุศลนี่แหละ มันต้องมีทาน มีศีล มีภาวนา.. นี่พูดถึงเรื่องของทานนะ แล้วเรื่องของศีลล่ะ ถ้าผู้ใดมีศีลองอาจกล้าหาญ เข้าได้ทุกๆ สังคมแหละ เพราะมือเราไม่มีแผล ถ้าผู้มีศีลเข้าสังคมได้เลย ยิ่งผู้มีสมาธินะเพราะมันรู้กาลเทศะว่าควรหรือไม่ควร

เด็ก เห็นไหม ผู้ใหญ่นั่งเรียบร้อยหมดเลย แล้วเด็กมันจะนั่งเรียบร้อยเหมือนเราได้ไหม มันเป็นไปไม่ได้โดยธรรมชาติของเด็ก โดยธรรมชาติของเด็กนะ เราก็ควรจะแยกมันออกไปก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยเอาเข้ามา เพราะเราเอาเข้ามาแล้วมัน.. ควรเอามาวัดมาวา ควรอยู่.. แต่ผลประโยชน์มันจะขัดแย้งเหมือนเรื่องของทาน เรื่องของปฏิคาหกผู้ให้กับผู้รับ

ถ้าผู้ให้ ให้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ผู้ให้นี่เห็นใจนะ ทำสิ่งที่ดีงามมาทุกอย่างเลย มาแล้วก็จะทำให้ดีที่สุดเลยนะ พอมาถึงพระรวมหมดเลย แหม.. ของฉันดีๆ ของฉันดีๆ.. ดีแล้วโยม ของโยมดีๆ แต่หัวใจของโยม ไอ้นี่เป็นเครื่องที่แสดงออกเราสละทิ้งไปแล้ว ของเศษเดน หัวใจเราต้องมีคุณค่ามากกว่านั้น เราถึงสละสิ่งของที่มีคุณค่าออกจากมือเราไปได้

หัวใจเรามีคุณค่า เจตนาอันนั้นมีบุญ บุญอยู่ที่นั่น จิตใจที่มันสูงส่งมันเสียสละไปแล้วนะ ของนั้นเป็นของเศษเดน แล้วนี่หัวดำๆ เขายังเสียสละได้ เขาเสียสละเศษเดนนี่เขาทิ้งแล้วนะ หัวโล้นๆ จับขึ้นมามือสั่นเลยนะ เฮอะๆๆ อย่างนั้นเหรอเป็นบุญกุศล! ของเศษเดนที่เขาทิ้งแล้ว ไอ้หัวโล้นๆ จับมามือไม้สั่นเลย มันเป็นคุณธรรมไหม ของเศษเดนของเขา

นี่เขาเรียกว่าเคารพในทานของโยมนะ พระนี่ถ้าทำศรัทธาให้ตกร่วงพระเป็นอาบัตินะ ของเขาเสียสละมาแล้ว เรารับมาแล้วเราต้องใช้ประโยชน์ของมัน อย่างเช่นพระอานนท์ เห็นไหม มีนางสนมถวายผ้าไตรให้กับพระอานนท์ ๕๐๐ ชุด โอ้โฮ.. เวลากษัตริย์ได้ยินก็ตกใจเลยนะ ไม่พอใจ ไปหาพระอานนท์เลยว่าพระอานนท์โลภมาก อะไรกันถวายผ้าทีหนึ่ง ๕๐๐ ชุด พระอานนท์ทำอย่างนั้นได้อย่างไร แล้วผ้าที่เหลือพระอานนท์ทำอย่างไร โอ๋ย ๕๐๐ ชุดนะเสียสละให้พระ

ดูสิ ดูหลวงปู่มั่นสิ สมัยหลวงปู่มั่นเกิดอยู่สงครามโลก หลวงตาเล่าให้ฟังเอง นี่หัวหน้าไม่เอาเลยให้แต่ลูกน้อง หลวงตานี่ต้องลักชุดหนึ่งไปไว้ในกุฏิหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นจะไปเอาออกมาแจกเลย หลวงตาบอก อ้าว.. แล้วครูบาอาจารย์จะใช้อะไรล่ะ โฮ้.. หัวหน้านะเมื่อไหร่มันก็ได้ ลูกน้องนี่ไม่มีใครดูหรอก พระที่มาอาศัยให้พระไปก่อน สุดท้ายแล้วหลวงตาบอกเลย พอก่อนเข้าพรรษาเขาแบกผ้าขาวเข้ามาให้ในวัดเลย

พระอานนท์ก็เหมือนกัน เวลาได้ผ้ามานี่เสียสละหมดเลย ให้แต่พระเด็กๆ ไปหมดเลย กษัตริย์มาถามว่า “แล้ว ๕๐๐ ผืนเอาไปไหน”

“อ้าว.. ก็เสียสละให้พระไป”

“อ้าว.. แล้วพระมีผ้าอยู่แล้วทำอย่างไร”

“พระที่มีผ้าอยู่แล้ว ผ้าเก่าเขาก็เอาไปทำเป็นม่าน เอาจีวรเปลี่ยน เอาผ้าเก่าไปทำเป็นม่าน”

“แล้วม่านที่มันมีอยู่ทำอย่างไร”

“ม่านก็เอาไปทำผ้าเช็ดเท้า”

“แล้วผ้าเช็ดเท้าที่มีอยู่ทำอย่างไร ยังมีอยู่”

“อ้าว.. ผ้าเช็ดเท้าก็เอามาตำผสมกับดินแล้วทากุฏิ”

โอ้โฮ.. ศรัทธามากนะ พอศรัทธามากก็ถวายอีก ๕๐๐ ชุด ทีแรกนะสนมนำมาถวาย ๕๐๐ ชุด โกรธมากว่าพระองค์นี้ขี้โลภ ผ้าตั้ง ๕๐๐ ชุด ๖๐๐ ชุด เอาไปทำอะไรกัน แต่ท่านเสียสละ เห็นไหม นี่ปฏิคาหก! ผู้ให้ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ผู้รับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ มันจะเป็นประโยชน์ไปหมดเลย แต่ถ้าผู้รับไม่บริสุทธิ์มันจะมีปัญหาขัดแย้ง

นี่หลักการมันเป็นอย่างนี้ แล้วเราฝึกใจเรา เราทำเพื่อใจเรานะ เราต้องฝึกปฏิบัติ เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านสอนนะ ถ้าถ้วยจานมันสกปรก สิ่งใดที่เข้ามาในถ้วยจานนั้นมันก็เสียหายไปด้วย ถ้าถ้วยจานมันสะอาด อาหารจะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า มันตกมาในถ้วยจานนี้มันก็มีคุณค่า

เราถือศีล เราทำจิตใจเราให้มั่นคง ให้ตั้งตรง ธรรมะที่เข้ามาถึงใจเรา นี่สันทิฏฐิโก เรารู้นะ อะไรผิด อะไรถูก อะไรดีงาม เรารู้.. แม้แต่เรารู้อยู่แล้ว เห็นไหม แล้วเรารู้นี่เรายังไม่คัดเลือกเลย แล้วเราจะทำอย่างไร ภาชนะเราสะอาดหรือยัง ถ้าศีลเราดี ภาชนะเราสะอาดแล้ว ของที่ตกในภาชนะนั้นมันจะเป็นประโยชน์ไปหมดเลย ถ้าภาชนะนั้นมันสะอาด

นี่ผู้ให้-ผู้รับไง นี่เรื่องของทานนะ เรื่องของศีล เรื่องของภาวนา มันยังลึกลับซับซ้อนไปมหาศาลเลย เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เห็นไหม “จะสอนใครได้หนอ” คำว่าจะสอนใครได้นี่คนทอดอาลัยนะ ทั้งๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาพุทธภูมิ ปรารถนามาเป็นศาสดา ปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ เตรียมตัวมหาศาล เตรียมพร้อม เหมือนอาจารย์เหมือนครูจบจากการศึกษานี่เขาฝึกสอนมาเรียบร้อยแล้วนะ จะไปสอนเด็กยัง เอ๊ะ.. ละล้าละลังเลย

นี่จะสอนหัวใจของสัตว์โลก จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ขนาดพระพุทธเจ้ามีพุทธวิสัยนะ พระพุทธเจ้าเตรียมตัวมาขนาดนั้น พระพุทธเจ้ายังทอดอาลัย มันเหมือนจะทำไม่ได้เลย แล้วเราปฏิบัติกันเราจะชุบมือเปิบเรียบๆ ง่ายๆ ทุกอย่างจะไปหยิบเอาเอง จะเดินเข้าไปชนนิพพานเลย นิพพานอยู่ตรงหน้านะ หัวนี่ฟาดกับนิพพานเลยนะ แล้วนิพพานมันจะเกิดขึ้นกลางหัวใจ

ทำไมพระพุทธเจ้าทอดธุระล่ะ ทำไมพระพุทธเจ้าทอดอาลัยเลยล่ะว่า โอ้โฮ.. มันยากขนาดนั้น แต่ถ้ามันทำได้ เห็นไหม พระยสะพระพุทธเจ้าเทศน์ ๒ ทีเป็นพระอรหันต์เลย พระพาหิยะพระพุทธเจ้าเทศน์ทีเดียวเป็นพระอรหันต์เลย อันนี้ก็เพราะเขาทำบุญของเขามา คนที่ง่ายมันก็มีแต่มันมีเป็นส่วนน้อย

ดูสิคนร่ำรวยในเมืองไทย เศรษฐีโลกมีกี่คน คนทุกข์คนยากนี่มีทั่วโลกเลย จิตใจพวกเรานี่ขอให้มันใฝ่ดีขึ้นมามันก็เป็นประโยชน์กับเราแล้วนะ เราใฝ่ดีแล้วทำดีของเรา เพื่อประโยชน์กับเรานะ ใฝ่ดีแล้วหาสิ่งที่ดีไป มันเริ่มจากหยาบๆ เข้ามา เรื่องวัตถุ เห็นไหม วัตถุเป็นเครื่องแสดงออก ถ้าวัตถุมันเป็นบุญกุศลนะ โกดังสินค้านี่มันเป็นพระอรหันต์หมดเลย

โกดังสินค้ามันเต็มโกดังเลยนะ มันไม่ได้อะไรเลยนะมันเป็นแค่วัตถุ แต่หัวใจของคนมีคุณค่า หัวใจของคนนี่หาอยู่หากิน หาสิ่งแลกเปลี่ยนแล้วไปแลกเปลี่ยนมันมา แล้วหัวใจนั้นมันมีคุณค่า มันเอาสิ่งนี้เสียสละออกไป ของที่รักของที่สงวนนี่เสียสละออกไป

ปฏิคาหก ผู้ให้ให้แล้ว เรารับของเขามาแล้วต้องใช้ประโยชน์ของเขาให้คุ้มค่า เขาได้มานี่เขาได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเขา คนที่เอามาแล้วมันควรใช้เป็นประโยชน์อย่างใด แล้วใช้ให้เป็นคุณค่าขึ้นมาอย่างนั้น โลกนี้มันจะชุ่มเย็นไปหมดเลย โลกนี้จะเป็นคุณงามความดีไปหมดเลย

เราทำบุญกุศลเราก็อยากทำสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา เราไปทำบุญกุศลแล้วสิ่งนั้นไม่เป็นประโยชน์ ไปกักตุนอยู่นั่น เห็นไหม น้ำเสีย น้ำเน่า เราก็เอาของดีๆ ไปทิ้งมันก็เน่าหมดแหละ ของที่เขากักตุนไว้ไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย เราก็ไปทำบุญกุศล มันได้บุญกับเราไหม เราก็เห็นเราก็รู้ ทุกคนมีหูมีตาหมดนะ

ดูครูบาอาจารย์ หลวงตาท่านพูดประจำ “ในวัดไม่มีเหลือเลย ออกหมด ออกหมดเลย” ทุกอย่างทุ่มเข้าไปเลย เพราะมันเป็นประโยชน์หมด เห็นไหม ทุกๆ คนเห็นนะ แต่ความเห็นอย่างนั้นเรามาเห็นกันตอนหลังนี้ แต่ตอนที่ท่านทำอยู่เมื่อก่อนใครไปเห็นของท่านบ้างล่ะ ท่านทำออกมา แล้วยิ่งอย่างเราเป็นผู้ตั้งใจจริง ไปนั่งสมาธิภาวนาแล้วนั่งตลอดรุ่ง แล้วไปอยู่ในกุฏินั่งอยู่คนเดียวนี่ไหวไหมล่ะ มันอยู่ในที่ลับไง เราจะทำอย่างไรก็ได้นะ

นี่ก็เหมือนกัน ในความคิดของเราเราคิดว่าเป็นที่ลับนะ ลับของมนุษย์แต่เปิดโล่งสำหรับเทวดา อินทร์ พรหม รู้หมดเลย.. นี่หัวใจเหมือนกระดาษขาว ความคิดเหมือนเขียนหนังสือลงไปบนกระดาษขาวนั้น คิดอะไรเทวดาเห็นหมดแหละ เทวดาเขาถึงรังเกียจไง เทวดาไม่เข้าใกล้มนุษย์เลยมันเหม็น มันเหม็นกลิ่นคาวของมนุษย์นั่นอย่างหนึ่ง มันเหม็นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เหม็นหัวใจที่มันจะเอารัดเอาเปรียบเขา มันยิ่งไม่อยากเข้าใกล้เลย

แต่ดูสิเวลาครูบาอาจารย์บิณฑบาตในป่า หลวงปู่ชอบนี่มาจากพม่า เวลาปกติเทวดาก็มาหาทุกทีเลย มาคุย แบบว่ามาฟังเทศน์ มาปรึกษากันในเรื่องธรรมะ.. “เวลาอย่างนี้จะตายแล้วนะ เทวดาไม่เห็นมีใครช่วยเหลือเลย” เช้าขึ้นมาออกจากป่ามา มาจากไหนก็ไม่รู้ มาดักใส่บาตรอยู่นั่น อดอาหารมา ๓ วันแล้ว ด้วยความหิวนะ “มาจากไหน บ้านอยู่ไหน” ชี้เลย.. แต่ตอนนั้นท่านบอกว่าท่านยังหิวอยู่ ท่านบอกไม่ได้คิดมาก พอฉันเสร็จแล้วเดินหาบ้านไม่มี

นี่สิ่งที่เป็นคุณธรรม เห็นไหม เทวดา อินทร์ พรหมเขายังดูแลรักษานะ แล้วอย่างพวกเรา นี่เราเองเราก็ไปตื่นเต้นกัน แบบว่าใจเราเป็นมาหมดแล้ว จิตนี้มันตายในวัฏฏะ มันเกิดมันตายในวัฏฏะ เราเคยเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมมา เราเคยตกนรกอเวจีมา เราเคยมาเป็นมนุษย์ นี่เราตั้งสติแล้ว ตั้งสติไว้

โอกาสของเรา เกิดมาชีวิตหนึ่งนี่โอกาสของเรา แล้วเราจะทำคุณงามความดีได้มากได้น้อยขนาดไหน ถ้าทำคุณงามความดีกับโลก เขาว่าช่วยโลกๆ เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นคนที่จิตใจดีงาม ดีงามมันก็ตายไปด้วยบุญกุศล มันก็เกิดก็ตายอีก แต่ถ้าจิตใจของเรา เราชะล้างของเรา จิตใจสาธารณะด้วย แล้วสิ่งที่ฐานของสาธารณะนี่เราทำให้มันสะอาดด้วย.. ทำความสะอาดนี่มันทำยาก จนพระพุทธเจ้าทอดธุระนะ แต่พระพุทธเจ้าก็ยังสอนมา ยังวางธรรมวินัยไว้ ขนาดทอดธุระก็ยังวางไว้ เพราะสัตว์โลกมันมีโอกาสของมันไง

เราเป็นคนๆ หนึ่ง เรามีโอกาสของเรา เราต้องพยายามทำของเรา ใครจะดีใครจะเด่น เห็นไหม ข่าวหลวงตาก็พูดบ่อย ข่าวพระอรหันต์เกิดที่นั่น ข่าวพระอนาคามีเกิดที่นั่น นี่มันข่าวของเขา มันไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเราหรอก

ข่าวของเรานี่ตอนนี้เราเป็นอะไร ใจเราสงบไหม ใจเรามีพื้นฐานไหม ใจของเราจะเป็นอย่างไร สันทิฏฐิโกนี่ข่าวของเรา การกระทำของเรา คุณงามความดีของเรา แล้วความดีของเราเราหลอกตัวเราเองได้ไหม เราหลอกตัวเราเองได้ไหมว่าเราเป็นคนดี เราหลอกได้ไหม

นี่ข่าวของเราเราต้องเกิดขึ้นมา เราทำของเราขึ้นมาให้เป็นประโยชน์กับเราขึ้นมา อันนี้จะเป็นประโยชน์กับเรานะ.. ปัจจุบันธรรม เห็นไหม อดีต อนาคต สิ่งที่มันสร้างมาเป็นมนุษย์นี่มีคุณค่ามาก แล้วมันจะเป็นคุณค่ากับเราไปอีกนะ ฉะนั้นของที่ทำมาให้มันเป็นจิตใจสาธารณะ

ทำบุญที่ได้บุญกุศลคือการโยนทิ้งเหว การทิ้งเหวนี่มีบุญกุศลที่สุดเลย คือว่าถ้าวางไว้แล้วก็จบไง ครูบาอาจารย์ หลวงตาท่านพูดบ่อย “จะเป็นบ้าเหรอ ถ้าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดกันนะ เห็นอยู่ไกลๆ ก็มองหน้ากัน ท่านก็รับรู้ ก็จบ” นั่นน่ะท่านรักอย่างนั้นมาก

คนเรามันถึงกันด้วยหัวใจนะ เพื่อนรัก บัดดี้สนิทกันมาก ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย มีหัวใจติดต่อกัน ถึงกันตลอดเวลา เราผูกพันกันด้วยหัวใจ เราผูกพันกันด้วยน้ำใจ นี่เป็นสิ่งนี้มันจะผูกพันได้ตลอด น้ำใจมันไม่มีสถานที่ มันไม่มีที่คับแคบ มันอยู่ได้หมดเลย เห็นไหม แต่เพราะร่างกายมนุษย์ มนุษย์เบียดกันเข้ามา อะไรเข้ามามันก็เบียดเสียดกัน

จิตใจเราให้โอกาสเขา การให้ทางก็เป็นบุญ เราเปิดโอกาสให้เขาไปก่อน การให้ทางก็เป็นบุญ สิ่งต่างๆ เป็นบุญทั้งนั้นล่ะ ถ้าเรารู้จักบุญอยู่ที่ไหน บุญไม่ต้องเข้ามาดึงยื้อแย่งกัน เห็นไหม อันนี้เป็นประโยชน์กับเรา นี่พูดถึงเรื่องของทาน เรื่องของศีล เราจะพูดอย่างนี้ออกมาเพื่อให้โยมไม่ต้องทุกข์ร้อน ไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจ ทำบุญก็ได้บุญ เอาที่หัวใจ เอาที่เจตนาถึงเสียสละ แล้วนี่พระรับแล้วเป็นประโยชน์ เห็นไหม

มีโยมเขามาพูดบ่อย ทีแรกมาบอกว่า อู้ฮู.. พระนี่ขี้โลภมากเลย บิณฑบาตไม่รู้จักพอ แต่พอมาอยู่ โอ้โฮ.. พระตักใส่บาตรก่อน แล้วที่เหลือโยมก็ทานอาหารกัน พ้นจากทานอาหารแล้วก็ให้คนงาน เสร็จจากคนงานกินเหลือก็หมักอีเอ็มเพื่อให้พืชมันได้กินต่อ

เขาบอก อู้ฮู.. ทีแรกเห็นรับบาตร เขารับกันไม่ได้เลยนะ แต่พอเข้ามาเห็นแล้วว่าเราดูแลรักษาผลของเขา สิ่งที่เขาหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เราไม่ให้เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว ใช้ประโยชน์ทั้งหมดเลย แต่นี้เขาไม่เห็นน่ะสิ เห็นแต่ตอนรับ แต่ตอนทำเขาไม่เห็น ทีแรกมาติเตียนมาก สุดท้ายแล้วเขาก็เห็นดีเห็นงามด้วย กว่าจะเห็นดีเห็นงามได้ หัวใจของคนมันจะเปิดหรือไม่เปิดนั่นมันเรื่องของเขา เราทำหน้าที่ของเรา ประโยชน์ของเรา

หลักไง หลักตั้งให้มั่นแล้วนกกาจะอาศัย หลักของเราไม่มีเลย นกกามันมาเกาะแล้วคอยกระพือปีกไว้กลัวหลักล้มนะ ไม่ไหวหรอกนกมันก็ไม่อาศัย มันไม่มีแรงบินอยู่อย่างนั้นหรอก มันก็จะหนีไปหมด เห็นไหม เราเอาใจเราให้ได้เพื่อประโยชน์กับเรานะ ผลประโยชน์กับเราตั้งใจ ตั้งสติไว้ สิ่งใดก็แล้วแต่ที่มันเกิดขึ้นมา เห็นไหม พระพุทธเจ้าสอนแล้ว

“สิ่งใดทำแล้วเสียใจทีหลัง สิ่งนั้นไม่ดีเลย”

ฉะนั้นปัจจุบันตั้งสติไว้ แล้วทำสิ่งที่ดีๆ มีสติทำสิ่งที่ดีๆ เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง